Seven Days
บางทีความรัก..อาจไม่ต้องการเวลา มันอาจเป็นช่วงเวลาสั้นๆเพียงแค่7วันก็ได้ใครจะไปรู้.....
ผู้เข้าชมรวม
284
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
‘[ AMORE ]’
Sevens Days
Day 1 : โลกที่น่าชิงชัง
ผมคือจอมเวทย์นามว่าชิเอล และนี่คือบันทึกของผม
ย้อนกลับไปเมื่อประมานสองปีก่อน ผมเบื่อเต็มทนกับโลกที่ผู้คนต้องสวมหน้ากากใส่กัน มีแต่ความไม่จริงใจ ต้องการแต่ผลประโยชน์ ในสายตาของคนอื่นผมเป็นเหมือนคนปกติทั่วไปไม่มีเป็นมิตรต่อสังคมแต่ความจริงแล้วผมแค่พยายามไม่สร้างปัญหาให้คนรอบข้างต่างหาก เหมือนตัวเองไม่ใช่ตัวของตัวเองตอนนั้นเองที่ผม”ฆ่าตัวตาย”
แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก เหมือนพระเจ้าไม่ต้องการผม ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับพลังที่มนุษย์ไม่ควรจะมี พลังที่บันดาลทุกอย่างให้เป็นไปตามที่ผมคิดเพียงแค่’พูด’ ตอนแรกก็ไม่คิดหรอกว่าจะได้พลังนี้มาอยู่ในกำมือจนกระทั่ง…
ใช่แล้ว..อากาศวันนี้ก็ร้อนเหมือนวันนั่นไม่มีผิด วันนี่พลังของผมตื่นขึ้นมา เพียงเพราะไม่อยากออกไปเล่นกับเพื่อนเพราะว่าข้างนอกมันร้อน แต่เพื่อนคนนั้นก็เซ้าซี้อยู่ได้จนในที่สุด
“น่ารำคาญ คนอย่างนายหายไปซะได้ก็ดี!!”
นั่นคือวันที่ผมหน้ากากหลุดเป็นครั้งแรก และเป็นวันที่ผมไม่มีวันลืมเลย คนที่ผมเรียกตามหน้าที่ว่า’เพื่อน’ เขาหายไปจากสายตาของผมราวกับฟองอากาศต่อหน้าผม แต่กลับไม่มีใครจำเรื่องราวของคนๆนั้นได้เลยเหมือนกับว่าไม่มีตัวตนอยู่
‘กลัว’ นั่นคือสิ่งแรกที่ผมคิดได้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าความรู้สึกหนักอกขนาดนี้จะเข้ามาในตัวเองพลังที่แม้ตัวเองก็ไม่สามารถควบคุมได้ ทำไม…ทำไม,,,,พระเจ้าต้องให้พลังนี้กับคนอย่างผม
หลังจากนั้นผมก็ออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพังเพราะกลัวว่าพลังของผมจะทำลายทุกสิ่ง ใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆจนตัวเองถูกกลืนเข้ากับความมืด ใช้เวลาส่วนมากกับการทดลองพลังของตัวเอง นี่อาจเหมาะแล้วก็เป็นได้กับคนที่เล่นละครได้สมจริงในโลกเบื้องหน้าอย่างผม และนี่ก็เป็นวันก็เป็นอีกวันที่ผมจะบังอาจเทียบเคียงพระเจ้าทดลองสร้าง”มนุษย์” ขึ้นมา
Day 2 : สร้าง
ผ่านมาหนึ่งวันแล้วกับตัวทดลองตัวที่สี่ร้อยแปดสิบสองที่ผมสร้างขึ้น
หมายเลข482 คือชื่อของมนุษย์ที่ผมทดลองสร้างขึ้นมาเป็นคนแรก ตอนแรกผมก็ไม่ได้กะจะกำหนดหน้าตาของเธออยู่แล้วแค่พูดว่าสร้างออกมาแค่นั้นเอง แต่ก็ไม่นึกเหมือนกันว่าร่างทดลอง’ครั้งนี้’จะเป็นผู้หญิงอายุประมาน18ปีเท่าๆกับผม เส้นผมสีเงินของเธอพลิ้วไหวไปตามลมที่พัดผ่าน ดวงตาสีแดงแปลกตาจากตัวทดลองก่อนหน้า
ตอนนี้ผมพาเธอมาเดินเล่นในสวนพลางกับเก็บข้อมูลไปด้วย
“มาสเตอร์ไอนี่มันคืออะไร?” หมายเลข482 หยิบดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ในกำมือออกมาให้ผมแล้วถามอย่าสงสัย เธอเหมือนเด็กแรกเกิดที่ไม่รู้อะไรเพียงเพราะผมใส่แค่”ความรู้สึกและความทรงจำในการใช้ชีวิต”ลงไปในตัวเธอเท่านั้นเอง
“ดอกอซาเลีย” ผมตอบเรียบๆ
“สวยจัง” เธอพูดอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
แต่ดูเหมือนรอยยิ้มของเธอก็ไม่ได้เข้ามาถึงส่วนลึกของจิตใจผมเลยสักนิด อีกอย่างผมไม่อยากสนิทกับร่างทดลองมากเท่าไหร่ด้วย ความจริงแล้วชีวิตของหมายเลข482คงอยู่ได้ไม่ถึงเจ็ดวัด เพราะร่างทดลองตัวเก่าๆก็มีชีวิตอยู่ได้เพียงแค่นี้เท่านั้น หลังจากนั้นก็ค่อยๆสลายไปเป็นอากาศธาตุ มันอาจจะเป็นคำสาปที่ผมบังอาจพยายามจะเทียบเคียงพระเจ้าก็ได้ใครจะรู้
แต่..ยังไงซะมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบมากเท่าไหร่กับชีวิตของผม แค่’สร้าง’ขึ้นมาใหม่ก็เท่านั้น
Day 3 : ชื่อ
นี่เป็นวันที่สามแล้วกับการทดลองหมายเลขสี่ร้อยแปดสิบสอง น่าแปลกใจยิ่งนักเพราะร่างทดทองตัวนี้เรียนรู้อะไรๆได้เร็วกว่าร่างทดลองที่ผมสร้างก่อนหน้านั้นเสียอีก หมายสี่ร้อยแปดสิบสองคงอาศัยหนังสือในคฤหาสน์หลังนี้ในการเรียนรู้กระมัง
วันนี้ก็เป็นเฉกเช่นทุกวันเพียงแต่ผมนั้นนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องอย่างสงบโดยปล่อยให้หมายเลขสี่ร้อยแปดสิบสองคุ้ยหนังสือในห้องมาอ่านตามใจ สีหน้าของเธอดูแปลกจากวันแรกนิดหน่อยอาจเพราะดูมีชีวิตชีวากว่าเดิมก็เป็นได้แต่ยังไงซะมันไม่ก็เกี่ยวกับผมอยู่ดี
“มาสเตอร์ทำไมคนในหนังสือทุกเล่มที่ฉันอ่าน ถึงไม่เรียกกันด้วยหมายเลขเหมือนฉันละ”
เธอหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาให้ผม เป็นนิยายโรแมนติก’The Love’ทั่วไปซึ่งตัวผมเองก็ไม่รู้ว่ามีหนังสือเล่มนี้อยู่ได้ยังไง อาจเป็นเพราะตอนที่ผมสร้างห้องสมุดนี้ขึ้นมา ผมเพียงคิดแค่ว่าขอให้มีหนังสือเยอะๆในห้องนี้ละมั้ง
“สิ่งนั้นเรียกว่าชื่อ”
“แล้วชื่อคืออะไรเหรอ?” เธอถามอย่างสงสัย
“มันคือสิ่งที่ตั้งให้คนหรือสิ่งของเพื่อใช้แสดงตัวตนของคนหรือสิ่งของนั้นๆยังไงละ”
“วิเศษจังเลย….มาสเตอร์ๆก็ตั้งชื่อให้ฉันบ้างสิ” หมายเลขสี่ร้อยแปดสิบสองแสดงท่าทีสนใจแวบตาเป็นประกายมองมาที่ผมไม่กระพริบ ร่างทดลองตัวนี้แปลกจริงๆที่ผ่านมาไม่เคยมีร่างทดลองตัวไหนต้องการ’ชื่อ’เลยสักตัว ผมซึ่งทำตัวไม่ถูกและไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อเธอว่าอะไร ก็เหลือบไปเห็นชื่อตัวเอกของนิยายเรื่องที่เธอถืออยู่จึงตอบไปอย่างส่งๆ
“เมอา นั่นคือชื่อของเธอ”
“ฉันชื่อเมอา หลังจากนี้ฉันก็มีตัวตนแล้วสินะมาสเตอร์” เธอตอบอย่างดีใจพร้อมกับกระโดดไปรอบห้อง
ชื่อมันสำคัญยังไงกันนะ น่าแปลกใจจริงๆร่างทดลองตัวนี้
Day 4 : อารมณ์
วันที่สี่แล้วสินะ วันนี้ก็เป็นวันเรื่อยๆอีกเช่นกัน เมอายังเซ้าซี้ถามโน่นถามนี่ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ วันนี้เป็นวันที่ผมไปเดินเล่นในป่าหลังคฤหาสน์โดยที่พาเมอาไปด้วย ความจริงแล้วทุกๆสิ่งล้วนถูกสร้างจากพลังของผมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์ ห้องสมุด หรือแม้แต่ป่านี้ก็เถอะ ผมสามารถบันดาลสิ่งที่ต้องการได้ทุกอย่าง
แต่ด้วยพลังนี้ทำให้ผมต้องเก็บตัวอยู่คนเดียวไม่สามารถออกไปโลกภายนอกได้แต่ยังไงซะมันก็ไม่ใช่ปัญหาของผมอยู่แล้วละนะ ยังไงซะโลกภายนอกมันก็แปดเปื้อนไปด้วยคำโกหกอยู่แล้ว
“มาสเตอร์นั่นผลส้ม เมอาเคยเห็นในหนังสือละ” เธอพูดอย่างร่าเริง
“อืม…”
“มาสเตอร์นี่ตัวอะไรอะ?”
“เหวอ!! โยนมันไปไกลๆเลย” ผมได้แต่ตกใจเพราะ เมอาเล่นเอางูมาจ่อตรงหน้าผมพอดีดูเหมือนเธอจะไม่ทุกร้อนเลยด้วย
.”คิคิ..ก็มาสเตอร์ไม่ค่อยพูดอะไรเลยอะ แบบนี้ก็น่าเบื่อแย่สิ”
“เธอนี่บ้ารึเปล่าวันหลังอย่าเล่นอะไรแบบนี้อีกนะ” ตอบอย่างอารมณ์เสียแล้วก็เดินออกห่างจากเมอาอย่างไม่สนใจ น่าแปลกที่ยัยเมอาไม่เดินตามมา เฮ้อ..แต่ก็ช่างเถอะยังไงก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของผมอยู่แล้ว
นี่ก็เริ่มเย็นแล้วผมเก็บข้าวของที่เอามาพลางเดินกลับไปที่คฤหาสน์แถมฝนก็ทำท่าจะตกด้วยสิ
“กลับก่อนดีกว่า”
ตอนนี้ผมอยู่ที่คฤหาสน์ ฝนก็เริ่มตกลงมาแล้ว แต่ไม่เห็นเมอากลับมาสักทีช่างเป็นตัวทดลองที่สร้างปัญหาจริงๆผมหยิบเล่มที่อยู่ด้านหนังคฤหาสน์แล้วเดินไปที่ป่า
การหาเมอานั้นไม่ยากเท่าไหร่ เพียงแค่เดินไปตามรอยเท้าของเธอที่ยังเหลืออยู่ ผมตามไปจนเจอเธอนั่งกอดเข้าอยู่ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่
“เอ้า กลับบ้านได้แล้ว” ผมเดินเข้าไปหาเธอแต่ดูเหมือนเธอจะไม่แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมาเลย
“เธอเป็นอะไรไปน่ะ!” ผมพูดเสียงดังขึ้นทำให้ตัวเธอสะดุ้งโหยง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาไม่รู้ทำไมตอนนั้นผมถึงมีความรู้สึกแปลกๆ
“มาสเตอร์บ้า” คำที่ตอบกลับมาทำให้ผมถึงกับอึ้งไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะถูกตัวทดลองว่า เธอกระโดดเข้ามากอดตัวผมแน่นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาพร้อมกับทุบผมครั้งแล้วครั้งเล่า
”รู้ไหม พอคิดว่ามาสเตอร์ไม่สนใจเมอาแล้ว มันเจ็บตรงอกมากๆเลย”เธอร้องโห่ด้วยความเสียใจ เสียงของเธอดังกว่าเสียของฝนที่ตกลงมาเสียอีก
”ฉะ…ฉันขอโทษ”
นั่นคงเป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกผิดจากใจจริง ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างผมก็มีอารมณ์กับเขาเหมือนกัน
Day 5 : ความรู้สึกรัก
วันนี้เมอาเป็นหวัดทำให้ไม่สามารถลุกไปไหนได้ ได้แต่นอนซมอยู่บนเตียงสงสัยคงเป็นเพราะฝนเมื่อวาน หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานทำให้ผมรู้สึกกับเมอาแปลกไปจากเดิมซึ่งตัวผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“มาสเตอร์เมอาเป็นอะไรก็ไม่รู้ ในตัวร้อนผ่าวไปหมดเลย” เธอถามอย่างหอบๆ
“เธอเป็นหวัดน่ะ มันเป็นโรคอย่างหนึ่งที่มนุษย์เป็นกัน”
“เหรอ”
“นอนอยู่นี่เถอะ เดี๋ยวฉันจะไปทำอาหารมาให้”
ไม่น่าเชื่อว่าผมจะพูดแบบนั้นออกไป ทั้งๆที่ผ่านมาตัวเองไม่เคยทำอาหารเลยสักนิด น่าแปลกที่วันนี้ดันมีอารมณ์อยากทำเองขึ้นมาซะงั้น ตอนนี้ผมกำลังง่วนกับการเปิดตำราอาหารที่น่าจะทำง่ายที่สุดดูแต่เหมือนอะไรๆมันก็ยากไปซะหมดเลยแฮะ สุดท้ายก็ทำได้แต่ทำข้าวต้มพื้นๆมาเท่านั้นเอง
“ค่อยๆกินนะ” ผมค่อยๆตักข้าวต้มป้อนเธออย่างช้าๆ น่าแปลกใจกับตัวเองจริงๆ ทั้งชีวิตที่เกิดมาผมไม่เคยคิดจะทำแบบนี้มาก่อนเลยสักนิด ตั้งแต่ได้พบเมอาเหมือนตัวเองไม่เป็นตัวของตัวเองเลย เธอค่อยๆกินเข้าไปอย่างช้าๆ โชคยังดีที่ผมทำข้าวต้มแฮะ เพราะคงไม่ต้องมากังวลกับรสชาติที่ออกมา
แล้วทำไมเราต้องมาแคร์เธอด้วยเนี่ย!! ผมได้แต่สลัดความคิดเมื่อครู่ออกจากหัว
“มาสเตอร์เป็นอะไรไป เป็นไข้เหมือนเมอาเหรอ” เธอลุกขึ้นมาจากเตียงถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หลังจากนั้นเมอาก็เอาหน้าผากมาแตะกับหน้าผากของผมโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว เหมือนร่างกายทั้งตัวร้อนวูบไปชั่วขณะ ผมรีบดันเธอถอยห่างจากเธออย่างตกใจ
ตอนนั้นหัวใจผมเต้นรัวไปหมด เหมือนเลือดสูบฉีดไปทั่ว ร่างกายร้อนผ่าว มันต้องเป็นเพราะคำพูดเมื่อวานของเมอาแน่ๆที่ทำให้เราเป็นแบบนี้ ความรู้สึกที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมี…เรารักเมอา
ผมคว้าเมอามากอดไว้แน่น เหมือนจะปกปิดตัวเองต่อไปไม่ไหวแล้วกับความรู้สึกที่มี ตั้งแต่เธอเกิดมาเราทำให้สิ่งที่เราไม่เคยทำ คนที่ไร้ซึ่งความรู้สึกได้แต่ปิดตัวเองอยู่ในก้อนน้ำแข็งอย่างเรา เธอทำให้ตัวผมเปลี่ยนไป
“ฉันรักเธอ..เมอา”
“เมอาก็รักมาสเตอร์เหมือนกันนะ ตั้งแต่เกิดมาเมอาอยากพูดคำนี้มาตลอด”เธอตอบผมอย่างอ่อนโยน ฝ่ามือของเธอกอดผมกลับมาตอนนั้นเป็นวันที่ผมไม่ลืมเลย
Day 6 : น้ำตา
เหมือนกับโลกที่มืดมนของสว่างขึ้นมาอีกครั้ง ผมเพิ่งเข้าใจว่าสิ่งที่เหมือนจะปกติถ้าเรามองมุมที่ต่างกันมันก็เป็นสิ่งที่แตกต่างกันได้ วันนี้ผมพาเมอาไปเที่ยวสวนสนุกลึกเข้าไปในป่าแน่นอนว่าผมใช้ความสามารถของตัวเองสร้างขึ้นมา
วันนี้เป็นที่ผมมีความสุดตั้งแต่มีชีวิตมาเลยละ เราเล่นเครื่องเล่นกันเกือบทุกชนิดที่มี ไม่น่าเชื่อว่าการที่เราเห็นคนที่รักมีความสุขตัวเองก็รู้สึกมีความสุขไปด้วยหลังจากพาเธอนั่งรถไฟเหาะเสร็จ เราก็มานั่งพักกันที่ม้านั่งใกล้ๆ นี่ก็เริ่มเย็นแล้วอีกสักพักผมก็ว่าจะพาเมอากลับคฤหาสน์แล้วละ
“รอนี่นะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำกับซอร์ฟครีมมาให้”
เนื่องจากที่นี่เป็นสวนสนุกที่ผมสร้างขึ้นจึงไม่มีคนอยู่เลย ร้านขายของจึงเหมือนกับร้านบริการตัวเองโดยปริยาย
ผมเดินเข้าไปกดซอร์ฟครีมแล้วกับน้ำมาอย่างละถ้วย แต่เมื่อเดินกลับไปก็พบว่าเมอานั้นอาการไม่ดีเท่าไหร่ เธอล้มลงไปนอนกองกับพื้น ผมรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของเธอทันที
“เมอา เธอเป็นอะไรไป..”
“มาสเตอร์ เมอารู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีแรงเลย” เธอตอบด้วยเสียงแผ่วเบา ร่างของเธอเริ่มมีละอองสีฟ้าสว่างลอยออกมาฟุ้งเต็มไปหมด ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าเวลาของเธอใกล้หมดลงแล้ว
“มาสเตอร์ทำไมมาสเตอร์ทำหน้าแบบนั้นละ แบบนี้เมอาไม่มีความสุขหรอกนะ” เมอามองผมด้วยแววตาเศร้า ตอนนี้จิตใจผมเหมือนไม่อยู่กับตัว ได้แต่สาปส่งพระเจ้าทั้งที่ตัวเองไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ทำไม! ทำไม! ทำไม! อุตส่าห์ได้พบแล้วคนที่เข้าใจเรา ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย
.”เมอายังไม่เคยบอกมาสเตอร์แล้วใช่รึเปล่าว่า..” ผมได้แต่นิ่งเงียบหยุดฟังเสียงเผาเบาของเธอ
“เมอารู้สึกขอบคุณมาสเตอร์มากที่ให้ชีวิตกับเมอา ทำให้เมอาเกิดมารักมาสเตอร์”
“ฉะ..ฉันก็รักเธอ..รักมากที่สุดเลย”
สายตาของผมสบตากับดวงตาสีแดงของเธอ ผมโน้มตัวเข้าหาเธอ ริมฝีปากของเราประกบกัน แต่ตอนนั้นผมไม่อาจมีความสุขกับจูบแรกของตัวเองได้เพราะวันนี้เป็นวันที่ผมเสียใจที่สุดเท่าที่เคยเกิดมา น้ำใสๆค่อยๆไหลออกมาจากตาของผม ผมไม่อาจกลั้นมันไว้ได้อีกแล้ว
Day 7 : ดอกอซาเรีย
หลังกลับมาจาสวนสนุกอาการของเมอาก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของเธอแล้ว พลังของผมไม่อาจช่วยอะไรได้เลย เมอาที่ร่าเริงอยู่ตลอดตอนนี้กลับได้แต่นอนซมอยู่บนเตียงข้างหน้าผม
“มาสเตอร์ เมอาอยากไปสวนดอกไม้” เธอมองมาที่ผมตอนนี้ใบหน้าของเธอดูเหนื่อยล้าอย่างหนัก
“พูดอะไรอย่างนั้น เธอยังป่วยอยู่นะ”
“เมอารู้ตัวดีว่าเวลาเหลืออีกไม่มากแล้วเพราะฉะนั้น ได้โปรดเถอะนะมาสเตอร์เมอาอยากไปที่สวนดอกไม้”
ผมได้แต่ทำตามคำขอของเมอา ผมไม่อาจเปลี่ยนอนาคตได้คนที่ผมรักกำลังจะจากไป โดยที่ตัวผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย น่าสมเพศตัวเองจริงๆทั้งที่ตัวเองมีพลังขนาดนั้นแต่ตอนนี้ได้แต่ประคองเธอไปที่สวนอย่างช้าๆ เมอาก้มลงเด็ดดอกอซาเรียมาเต็มกำมือ
“มาสเตอร์จำได้ไหม ตอนนั้นเมอาเคยถามมาสเตอร์ว่านี่คือดอกอะไร วันนั้นเมอายังไม่ค่อยรู้อะไรเลย”
“จำได้สิ”
“มาสเตอร์จำได้ไหม คนที่ตั้งชื่อให้เมอาก็คือมาสเตอร์ เมอาดีใจมากเลย”
“จำได้สิ”
“มาสเตอร์จำได้ไหม วันที่เราทะเลาะกันครั้งแรก เมอาดีใจมาเลยที่มาสเตอร์ยังไม่ทิ้งเมอา”
“จะ…จำได้สิ”
“มาสเตอร์จำได้ไหม วันที่มาสเตอร์บอกรักเมอาครั้งแรก” น้ำตาของเมอาเริ่มไหลรินออกมา
“จะ…จะ…จำได้อยู่แล้ว”
ไม่ไหวแล้ว..น้ำตาไหลออกมาราวกับว่ามันไม่เคยไหลออกมาเลยสักนิด ผมกอดเมอาไว้แน่น ผมไม่อยากเสียเธอไปคนที่ผมรักทั้งหัวใจ
“ถึงเมอาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแต่เมอาไม่เคยนึกเสียใจเลยที่ได้เกิดมา ความทรงจำที่ผ่านมากับมาสเตอร์เป็นเรื่องจริง นั่นคือสิ่งที่กำหนดความมีตัวตนของเมอา”
ผมได้แต่นิ่งเงียบน้ำตานี่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลเลย
.”เมอารักมาสเตอร์นะ จะรักตลอดไปเลย” แล้วเสียงของเธอก็หยุดลงแค่นั้น…………..
.
.
.
.
.
.
.
เมื่อไหร่กันนะที่ผมลืมเหตุผลว่าทำไมตัวเองถึงสร้างร่างทดลองมามากมายขนาดนี้ ซึ่งตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้คำตอบบ่อยครั้งที่ผมมักคิดอยู่คนเดียวว่าเป้าหมายของชีวิตของตัวเองคืออะไร เราเกิดมาเพื่ออะไร ความจริงแล้วในตัวผมอาจจะว่างเปล่ากว่าร่างทดลองที่ตัวเองเคยสร้างมาเสียอีก เมอาได้สอนความหมายของชีวิตให้ผม
คนเรานั้นอาจเกิดมาเพื่อทำให้คนที่เรารักมีความสุขก็เป็นได้ เมื่อเห็นคนที่เรารักมีความสุขตัวเองก็มีความสุดความหมายของชีวิตมันก็ง่ายๆแค่นี้เอง เพราะฉะนั้นถ้าเธอมาเห็นบันทึกนี้ก็ขอให้มีความสุขต่อไปนะ ดังเช่นความหมายของ’ดอกอซาเรีย’ที่แปลว่า’ดูแลตัวเองเพื่อฉันที่ไม่สามารถดูแลเธอได้แล้ว’ ดอกไม้ที่เธอชอบไงละ
ผมหันไปมองเมอาที่ตอนนี้นอนไม่ได้สติอยู่ที่เตียง เอาละ!บันทึกนี้คงจะมาถึงหน้าสุดท้ายแล้ว
“พระเจ้าถ้าท่านยังมีจิตใจช่วงฟังคำขอสุดท้ายของผมด้วย…” พลังที่ผมเคยสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงมีพลังนี้ พลังนี้เกิดมาเพื่ออะไร ทำไมต้องเป็นเราด้วยตอนนี้ผมรู้แล้วว่าตัวเองมีพลังนี้เพื่ออะไร
“ชีวิตที่ผมเหลืออยู่ทั้งหมด ขอมอบให้เธอคนนี้ คนที่ผมรักที่สุด”
ขอให้มีความสุขนะเมอาและก็ลาก่อน…….
Fin
เจาะนิสัยตัวละครที่ผมอยากสื่อแต่เขียนไม่หมด "orz
ชิเอล
หมอนี่ผมพยายามเขียนให้มืดมนที่สุดแล้วแต่อาจทำได้ไม่ดีพอด้วยหน้าที่จำกัด
เนื้อเรื่องดำเนินไปตามบันทึกของชิเอลเหมือนกับเราอ่านบันทึกชิเอลอยู่นั่นเอง
บางคนอาจจะบอกว่าความรู้สึกของชิเอลมันชั่ววูบไปมั้ย
อันนี้อยากให้มองในมุมมองของชิเอลจากคนที่ไม่มีอะไรมองโลกในแง่ร้ายมาตลอด ค่อยๆถูกเติมเต็ม อาจเป็นความสัมพันธ์ชั่ววูบจริงแต่ ณ ตอนนั้นชิเอลไม่ค่อยสัมผัสอะไรแบบนั้นมาก่อน
ซึ่งจะเห็นจากการเปลี่ยนแปลงจากเดย์แรกๆที่เขียนอย่างเย็นชาจนไปถึงการเปลี่ยนแปลงช่วงเดย์5
เมอา
ตัวละครตัวนี้ถูกสร้างขึ้นมาให้มีขั้วตรงข้ามกับชิเอลโดยสิ้นเชิง
และมีความรู้สึกรักชิเอลตั้งแต่เกิดมาอยู่แล้วเพียงแต่ไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของตัวเองแค่นั้นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้ก็ขอคุณมากเลยครับ
ผลงานอื่นๆ ของ AVVENIRE ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ AVVENIRE
ความคิดเห็น