Seven Days - Seven Days นิยาย Seven Days : Dek-D.com - Writer

    Seven Days

    บางทีความรัก..อาจไม่ต้องการเวลา มันอาจเป็นช่วงเวลาสั้นๆเพียงแค่7วันก็ได้ใครจะไปรู้.....

    ผู้เข้าชมรวม

    284

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    284

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 มิ.ย. 54 / 18:47 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


     


    เป็นเรื่องสั้นๆที่ลองแต่งขึ้นมาครับ




    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ...

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

      ‘[ AMORE ]’

      Sevens Days

       

      Day 1 : โลกที่น่าชิงชัง

                  ผมคือจอมเวทย์นามว่าชิเอล และนี่คือบันทึกของผม

      ย้อนกลับไปเมื่อประมานสองปีก่อน ผมเบื่อเต็มทนกับโลกที่ผู้คนต้องสวมหน้ากากใส่กัน มีแต่ความไม่จริงใจ ต้องการแต่ผลประโยชน์ ในสายตาของคนอื่นผมเป็นเหมือนคนปกติทั่วไปไม่มีเป็นมิตรต่อสังคมแต่ความจริงแล้วผมแค่พยายามไม่สร้างปัญหาให้คนรอบข้างต่างหาก  เหมือนตัวเองไม่ใช่ตัวของตัวเองตอนนั้นเองที่ผมฆ่าตัวตาย

      แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก เหมือนพระเจ้าไม่ต้องการผม ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับพลังที่มนุษย์ไม่ควรจะมี พลังที่บันดาลทุกอย่างให้เป็นไปตามที่ผมคิดเพียงแค่พูดตอนแรกก็ไม่คิดหรอกว่าจะได้พลังนี้มาอยู่ในกำมือจนกระทั่ง

      ใช่แล้ว..อากาศวันนี้ก็ร้อนเหมือนวันนั่นไม่มีผิด วันนี่พลังของผมตื่นขึ้นมา เพียงเพราะไม่อยากออกไปเล่นกับเพื่อนเพราะว่าข้างนอกมันร้อน แต่เพื่อนคนนั้นก็เซ้าซี้อยู่ได้จนในที่สุด

      น่ารำคาญ คนอย่างนายหายไปซะได้ก็ดี!!”

      นั่นคือวันที่ผมหน้ากากหลุดเป็นครั้งแรก และเป็นวันที่ผมไม่มีวันลืมเลย คนที่ผมเรียกตามหน้าที่ว่าเพื่อน เขาหายไปจากสายตาของผมราวกับฟองอากาศต่อหน้าผม แต่กลับไม่มีใครจำเรื่องราวของคนๆนั้นได้เลยเหมือนกับว่าไม่มีตัวตนอยู่

      กลัว นั่นคือสิ่งแรกที่ผมคิดได้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าความรู้สึกหนักอกขนาดนี้จะเข้ามาในตัวเองพลังที่แม้ตัวเองก็ไม่สามารถควบคุมได้ ทำไมทำไม,,,,พระเจ้าต้องให้พลังนี้กับคนอย่างผม

      หลังจากนั้นผมก็ออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพังเพราะกลัวว่าพลังของผมจะทำลายทุกสิ่ง ใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆจนตัวเองถูกกลืนเข้ากับความมืด ใช้เวลาส่วนมากกับการทดลองพลังของตัวเอง นี่อาจเหมาะแล้วก็เป็นได้กับคนที่เล่นละครได้สมจริงในโลกเบื้องหน้าอย่างผม และนี่ก็เป็นวันก็เป็นอีกวันที่ผมจะบังอาจเทียบเคียงพระเจ้าทดลองสร้างมนุษย์ ขึ้นมา

       

       

       

       

      Day 2 : สร้าง

                  ผ่านมาหนึ่งวันแล้วกับตัวทดลองตัวที่สี่ร้อยแปดสิบสองที่ผมสร้างขึ้น

                  หมายเลข482 คือชื่อของมนุษย์ที่ผมทดลองสร้างขึ้นมาเป็นคนแรก ตอนแรกผมก็ไม่ได้กะจะกำหนดหน้าตาของเธออยู่แล้วแค่พูดว่าสร้างออกมาแค่นั้นเอง แต่ก็ไม่นึกเหมือนกันว่าร่างทดลองครั้งนี้จะเป็นผู้หญิงอายุประมาน18ปีเท่าๆกับผม เส้นผมสีเงินของเธอพลิ้วไหวไปตามลมที่พัดผ่าน ดวงตาสีแดงแปลกตาจากตัวทดลองก่อนหน้า

                  ตอนนี้ผมพาเธอมาเดินเล่นในสวนพลางกับเก็บข้อมูลไปด้วย

                  มาสเตอร์ไอนี่มันคืออะไร?หมายเลข482 หยิบดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ในกำมือออกมาให้ผมแล้วถามอย่าสงสัย เธอเหมือนเด็กแรกเกิดที่ไม่รู้อะไรเพียงเพราะผมใส่แค่ความรู้สึกและความทรงจำในการใช้ชีวิตลงไปในตัวเธอเท่านั้นเอง

                  ดอกอซาเลียผมตอบเรียบๆ

                  สวยจัง เธอพูดอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส

                  แต่ดูเหมือนรอยยิ้มของเธอก็ไม่ได้เข้ามาถึงส่วนลึกของจิตใจผมเลยสักนิด  อีกอย่างผมไม่อยากสนิทกับร่างทดลองมากเท่าไหร่ด้วย ความจริงแล้วชีวิตของหมายเลข482คงอยู่ได้ไม่ถึงเจ็ดวัด เพราะร่างทดลองตัวเก่าๆก็มีชีวิตอยู่ได้เพียงแค่นี้เท่านั้น หลังจากนั้นก็ค่อยๆสลายไปเป็นอากาศธาตุ มันอาจจะเป็นคำสาปที่ผมบังอาจพยายามจะเทียบเคียงพระเจ้าก็ได้ใครจะรู้

      แต่..ยังไงซะมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบมากเท่าไหร่กับชีวิตของผม แค่สร้างขึ้นมาใหม่ก็เท่านั้น

       

       

       

       

      Day 3 : ชื่อ

                  นี่เป็นวันที่สามแล้วกับการทดลองหมายเลขสี่ร้อยแปดสิบสอง น่าแปลกใจยิ่งนักเพราะร่างทดทองตัวนี้เรียนรู้อะไรๆได้เร็วกว่าร่างทดลองที่ผมสร้างก่อนหน้านั้นเสียอีก หมายสี่ร้อยแปดสิบสองคงอาศัยหนังสือในคฤหาสน์หลังนี้ในการเรียนรู้กระมัง

                  วันนี้ก็เป็นเฉกเช่นทุกวันเพียงแต่ผมนั้นนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องอย่างสงบโดยปล่อยให้หมายเลขสี่ร้อยแปดสิบสองคุ้ยหนังสือในห้องมาอ่านตามใจ สีหน้าของเธอดูแปลกจากวันแรกนิดหน่อยอาจเพราะดูมีชีวิตชีวากว่าเดิมก็เป็นได้แต่ยังไงซะมันไม่ก็เกี่ยวกับผมอยู่ดี

                  มาสเตอร์ทำไมคนในหนังสือทุกเล่มที่ฉันอ่าน ถึงไม่เรียกกันด้วยหมายเลขเหมือนฉันละ

                  เธอหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาให้ผม เป็นนิยายโรแมนติก’The Love’ทั่วไปซึ่งตัวผมเองก็ไม่รู้ว่ามีหนังสือเล่มนี้อยู่ได้ยังไง อาจเป็นเพราะตอนที่ผมสร้างห้องสมุดนี้ขึ้นมา ผมเพียงคิดแค่ว่าขอให้มีหนังสือเยอะๆในห้องนี้ละมั้ง

                  “สิ่งนั้นเรียกว่าชื่อ

                  “แล้วชื่อคืออะไรเหรอ?เธอถามอย่างสงสัย

                  มันคือสิ่งที่ตั้งให้คนหรือสิ่งของเพื่อใช้แสดงตัวตนของคนหรือสิ่งของนั้นๆยังไงละ

                  “วิเศษจังเลย….มาสเตอร์ๆก็ตั้งชื่อให้ฉันบ้างสิ หมายเลขสี่ร้อยแปดสิบสองแสดงท่าทีสนใจแวบตาเป็นประกายมองมาที่ผมไม่กระพริบ ร่างทดลองตัวนี้แปลกจริงๆที่ผ่านมาไม่เคยมีร่างทดลองตัวไหนต้องการชื่อเลยสักตัว ผมซึ่งทำตัวไม่ถูกและไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อเธอว่าอะไร ก็เหลือบไปเห็นชื่อตัวเอกของนิยายเรื่องที่เธอถืออยู่จึงตอบไปอย่างส่งๆ

                  เมอา นั่นคือชื่อของเธอ

                  “ฉันชื่อเมอา หลังจากนี้ฉันก็มีตัวตนแล้วสินะมาสเตอร์ เธอตอบอย่างดีใจพร้อมกับกระโดดไปรอบห้อง

       

      ชื่อมันสำคัญยังไงกันนะ น่าแปลกใจจริงๆร่างทดลองตัวนี้

       

       

       

       

      Day 4 : อารมณ์

                  วันที่สี่แล้วสินะ วันนี้ก็เป็นวันเรื่อยๆอีกเช่นกัน เมอายังเซ้าซี้ถามโน่นถามนี่ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ วันนี้เป็นวันที่ผมไปเดินเล่นในป่าหลังคฤหาสน์โดยที่พาเมอาไปด้วย ความจริงแล้วทุกๆสิ่งล้วนถูกสร้างจากพลังของผมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์ ห้องสมุด หรือแม้แต่ป่านี้ก็เถอะ ผมสามารถบันดาลสิ่งที่ต้องการได้ทุกอย่าง

                  แต่ด้วยพลังนี้ทำให้ผมต้องเก็บตัวอยู่คนเดียวไม่สามารถออกไปโลกภายนอกได้แต่ยังไงซะมันก็ไม่ใช่ปัญหาของผมอยู่แล้วละนะ ยังไงซะโลกภายนอกมันก็แปดเปื้อนไปด้วยคำโกหกอยู่แล้ว

                  “มาสเตอร์นั่นผลส้ม เมอาเคยเห็นในหนังสือละเธอพูดอย่างร่าเริง

                  “อืม…”

                  มาสเตอร์นี่ตัวอะไรอะ?

                  “เหวอ!! โยนมันไปไกลๆเลยผมได้แต่ตกใจเพราะ เมอาเล่นเอางูมาจ่อตรงหน้าผมพอดีดูเหมือนเธอจะไม่ทุกร้อนเลยด้วย

                  .คิคิ..ก็มาสเตอร์ไม่ค่อยพูดอะไรเลยอะ แบบนี้ก็น่าเบื่อแย่สิ 

                  เธอนี่บ้ารึเปล่าวันหลังอย่าเล่นอะไรแบบนี้อีกนะตอบอย่างอารมณ์เสียแล้วก็เดินออกห่างจากเมอาอย่างไม่สนใจ น่าแปลกที่ยัยเมอาไม่เดินตามมา เฮ้อ..แต่ก็ช่างเถอะยังไงก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของผมอยู่แล้ว

                  นี่ก็เริ่มเย็นแล้วผมเก็บข้าวของที่เอามาพลางเดินกลับไปที่คฤหาสน์แถมฝนก็ทำท่าจะตกด้วยสิ

                  กลับก่อนดีกว่า

                  ตอนนี้ผมอยู่ที่คฤหาสน์ ฝนก็เริ่มตกลงมาแล้ว แต่ไม่เห็นเมอากลับมาสักทีช่างเป็นตัวทดลองที่สร้างปัญหาจริงๆผมหยิบเล่มที่อยู่ด้านหนังคฤหาสน์แล้วเดินไปที่ป่า

                  การหาเมอานั้นไม่ยากเท่าไหร่ เพียงแค่เดินไปตามรอยเท้าของเธอที่ยังเหลืออยู่ ผมตามไปจนเจอเธอนั่งกอดเข้าอยู่ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่

                  เอ้า กลับบ้านได้แล้ว ผมเดินเข้าไปหาเธอแต่ดูเหมือนเธอจะไม่แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมาเลย

                  เธอเป็นอะไรไปน่ะ!” ผมพูดเสียงดังขึ้นทำให้ตัวเธอสะดุ้งโหยง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาไม่รู้ทำไมตอนนั้นผมถึงมีความรู้สึกแปลกๆ

                  มาสเตอร์บ้า คำที่ตอบกลับมาทำให้ผมถึงกับอึ้งไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะถูกตัวทดลองว่า เธอกระโดดเข้ามากอดตัวผมแน่นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาพร้อมกับทุบผมครั้งแล้วครั้งเล่า

                  รู้ไหม พอคิดว่ามาสเตอร์ไม่สนใจเมอาแล้ว มันเจ็บตรงอกมากๆเลยเธอร้องโห่ด้วยความเสียใจ เสียงของเธอดังกว่าเสียของฝนที่ตกลงมาเสียอีก

                  ”ฉะฉันขอโทษ

       

                  นั่นคงเป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกผิดจากใจจริง ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างผมก็มีอารมณ์กับเขาเหมือนกัน

       

       

       

       

      Day 5 : ความรู้สึกรัก

                  วันนี้เมอาเป็นหวัดทำให้ไม่สามารถลุกไปไหนได้ ได้แต่นอนซมอยู่บนเตียงสงสัยคงเป็นเพราะฝนเมื่อวาน หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานทำให้ผมรู้สึกกับเมอาแปลกไปจากเดิมซึ่งตัวผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

                  มาสเตอร์เมอาเป็นอะไรก็ไม่รู้ ในตัวร้อนผ่าวไปหมดเลยเธอถามอย่างหอบๆ

                  เธอเป็นหวัดน่ะ มันเป็นโรคอย่างหนึ่งที่มนุษย์เป็นกัน

                  เหรอ

                  “นอนอยู่นี่เถอะ เดี๋ยวฉันจะไปทำอาหารมาให้

                  ไม่น่าเชื่อว่าผมจะพูดแบบนั้นออกไป ทั้งๆที่ผ่านมาตัวเองไม่เคยทำอาหารเลยสักนิด น่าแปลกที่วันนี้ดันมีอารมณ์อยากทำเองขึ้นมาซะงั้น ตอนนี้ผมกำลังง่วนกับการเปิดตำราอาหารที่น่าจะทำง่ายที่สุดดูแต่เหมือนอะไรๆมันก็ยากไปซะหมดเลยแฮะ สุดท้ายก็ทำได้แต่ทำข้าวต้มพื้นๆมาเท่านั้นเอง

                  ค่อยๆกินนะผมค่อยๆตักข้าวต้มป้อนเธออย่างช้าๆ น่าแปลกใจกับตัวเองจริงๆ ทั้งชีวิตที่เกิดมาผมไม่เคยคิดจะทำแบบนี้มาก่อนเลยสักนิด ตั้งแต่ได้พบเมอาเหมือนตัวเองไม่เป็นตัวของตัวเองเลย เธอค่อยๆกินเข้าไปอย่างช้าๆ โชคยังดีที่ผมทำข้าวต้มแฮะ เพราะคงไม่ต้องมากังวลกับรสชาติที่ออกมา

                  แล้วทำไมเราต้องมาแคร์เธอด้วยเนี่ย!! ผมได้แต่สลัดความคิดเมื่อครู่ออกจากหัว

                  มาสเตอร์เป็นอะไรไป เป็นไข้เหมือนเมอาเหรอเธอลุกขึ้นมาจากเตียงถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หลังจากนั้นเมอาก็เอาหน้าผากมาแตะกับหน้าผากของผมโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว เหมือนร่างกายทั้งตัวร้อนวูบไปชั่วขณะ ผมรีบดันเธอถอยห่างจากเธออย่างตกใจ

                  ตอนนั้นหัวใจผมเต้นรัวไปหมด เหมือนเลือดสูบฉีดไปทั่ว ร่างกายร้อนผ่าว มันต้องเป็นเพราะคำพูดเมื่อวานของเมอาแน่ๆที่ทำให้เราเป็นแบบนี้ ความรู้สึกที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีเรารักเมอา          

      ผมคว้าเมอามากอดไว้แน่น เหมือนจะปกปิดตัวเองต่อไปไม่ไหวแล้วกับความรู้สึกที่มี ตั้งแต่เธอเกิดมาเราทำให้สิ่งที่เราไม่เคยทำ คนที่ไร้ซึ่งความรู้สึกได้แต่ปิดตัวเองอยู่ในก้อนน้ำแข็งอย่างเรา เธอทำให้ตัวผมเปลี่ยนไป

      ฉันรักเธอ..เมอา

      เมอาก็รักมาสเตอร์เหมือนกันนะ ตั้งแต่เกิดมาเมอาอยากพูดคำนี้มาตลอดเธอตอบผมอย่างอ่อนโยน ฝ่ามือของเธอกอดผมกลับมาตอนนั้นเป็นวันที่ผมไม่ลืมเลย

                 

       

       

       

      Day 6 : น้ำตา

                  เหมือนกับโลกที่มืดมนของสว่างขึ้นมาอีกครั้ง ผมเพิ่งเข้าใจว่าสิ่งที่เหมือนจะปกติถ้าเรามองมุมที่ต่างกันมันก็เป็นสิ่งที่แตกต่างกันได้ วันนี้ผมพาเมอาไปเที่ยวสวนสนุกลึกเข้าไปในป่าแน่นอนว่าผมใช้ความสามารถของตัวเองสร้างขึ้นมา

      วันนี้เป็นที่ผมมีความสุดตั้งแต่มีชีวิตมาเลยละ เราเล่นเครื่องเล่นกันเกือบทุกชนิดที่มี ไม่น่าเชื่อว่าการที่เราเห็นคนที่รักมีความสุขตัวเองก็รู้สึกมีความสุขไปด้วยหลังจากพาเธอนั่งรถไฟเหาะเสร็จ เราก็มานั่งพักกันที่ม้านั่งใกล้ๆ นี่ก็เริ่มเย็นแล้วอีกสักพักผมก็ว่าจะพาเมอากลับคฤหาสน์แล้วละ

      รอนี่นะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำกับซอร์ฟครีมมาให้

      เนื่องจากที่นี่เป็นสวนสนุกที่ผมสร้างขึ้นจึงไม่มีคนอยู่เลย ร้านขายของจึงเหมือนกับร้านบริการตัวเองโดยปริยาย

      ผมเดินเข้าไปกดซอร์ฟครีมแล้วกับน้ำมาอย่างละถ้วย แต่เมื่อเดินกลับไปก็พบว่าเมอานั้นอาการไม่ดีเท่าไหร่ เธอล้มลงไปนอนกองกับพื้น ผมรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของเธอทันที

                  เมอา เธอเป็นอะไรไป..”

                  มาสเตอร์ เมอารู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีแรงเลยเธอตอบด้วยเสียงแผ่วเบา ร่างของเธอเริ่มมีละอองสีฟ้าสว่างลอยออกมาฟุ้งเต็มไปหมด ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าเวลาของเธอใกล้หมดลงแล้ว

                  มาสเตอร์ทำไมมาสเตอร์ทำหน้าแบบนั้นละ แบบนี้เมอาไม่มีความสุขหรอกนะ เมอามองผมด้วยแววตาเศร้า ตอนนี้จิตใจผมเหมือนไม่อยู่กับตัว ได้แต่สาปส่งพระเจ้าทั้งที่ตัวเองไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

                  ทำไม! ทำไม! ทำไม! อุตส่าห์ได้พบแล้วคนที่เข้าใจเรา ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย

                  .เมอายังไม่เคยบอกมาสเตอร์แล้วใช่รึเปล่าว่า..” ผมได้แต่นิ่งเงียบหยุดฟังเสียงเผาเบาของเธอ

                  เมอารู้สึกขอบคุณมาสเตอร์มากที่ให้ชีวิตกับเมอา ทำให้เมอาเกิดมารักมาสเตอร์

                  ฉะ..ฉันก็รักเธอ..รักมากที่สุดเลย

                  สายตาของผมสบตากับดวงตาสีแดงของเธอ ผมโน้มตัวเข้าหาเธอ ริมฝีปากของเราประกบกัน แต่ตอนนั้นผมไม่อาจมีความสุขกับจูบแรกของตัวเองได้เพราะวันนี้เป็นวันที่ผมเสียใจที่สุดเท่าที่เคยเกิดมา น้ำใสๆค่อยๆไหลออกมาจากตาของผม ผมไม่อาจกลั้นมันไว้ได้อีกแล้ว

       

       

       

       

      Day 7 : ดอกอซาเรีย

                  หลังกลับมาจาสวนสนุกอาการของเมอาก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของเธอแล้ว พลังของผมไม่อาจช่วยอะไรได้เลย เมอาที่ร่าเริงอยู่ตลอดตอนนี้กลับได้แต่นอนซมอยู่บนเตียงข้างหน้าผม

                  มาสเตอร์ เมอาอยากไปสวนดอกไม้ เธอมองมาที่ผมตอนนี้ใบหน้าของเธอดูเหนื่อยล้าอย่างหนัก

                  พูดอะไรอย่างนั้น เธอยังป่วยอยู่นะ

                  “เมอารู้ตัวดีว่าเวลาเหลืออีกไม่มากแล้วเพราะฉะนั้น ได้โปรดเถอะนะมาสเตอร์เมอาอยากไปที่สวนดอกไม้

                  ผมได้แต่ทำตามคำขอของเมอา ผมไม่อาจเปลี่ยนอนาคตได้คนที่ผมรักกำลังจะจากไป โดยที่ตัวผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย น่าสมเพศตัวเองจริงๆทั้งที่ตัวเองมีพลังขนาดนั้นแต่ตอนนี้ได้แต่ประคองเธอไปที่สวนอย่างช้าๆ เมอาก้มลงเด็ดดอกอซาเรียมาเต็มกำมือ

                  มาสเตอร์จำได้ไหม ตอนนั้นเมอาเคยถามมาสเตอร์ว่านี่คือดอกอะไร วันนั้นเมอายังไม่ค่อยรู้อะไรเลย

                  จำได้สิ

                  “มาสเตอร์จำได้ไหม คนที่ตั้งชื่อให้เมอาก็คือมาสเตอร์ เมอาดีใจมากเลย

                  “จำได้สิ

                  “มาสเตอร์จำได้ไหม วันที่เราทะเลาะกันครั้งแรก เมอาดีใจมาเลยที่มาสเตอร์ยังไม่ทิ้งเมอา

                  “จะจำได้สิ

                  “มาสเตอร์จำได้ไหม วันที่มาสเตอร์บอกรักเมอาครั้งแรกน้ำตาของเมอาเริ่มไหลรินออกมา

                  “จะจะจำได้อยู่แล้ว

                  ไม่ไหวแล้ว..น้ำตาไหลออกมาราวกับว่ามันไม่เคยไหลออกมาเลยสักนิด ผมกอดเมอาไว้แน่น ผมไม่อยากเสียเธอไปคนที่ผมรักทั้งหัวใจ

                  ถึงเมอาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแต่เมอาไม่เคยนึกเสียใจเลยที่ได้เกิดมา ความทรงจำที่ผ่านมากับมาสเตอร์เป็นเรื่องจริง นั่นคือสิ่งที่กำหนดความมีตัวตนของเมอา

                  ผมได้แต่นิ่งเงียบน้ำตานี่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลเลย

                  .เมอารักมาสเตอร์นะ จะรักตลอดไปเลย แล้วเสียงของเธอก็หยุดลงแค่นั้น…………..

       

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

       

                 

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      เมื่อไหร่กันนะที่ผมลืมเหตุผลว่าทำไมตัวเองถึงสร้างร่างทดลองมามากมายขนาดนี้ ซึ่งตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้คำตอบบ่อยครั้งที่ผมมักคิดอยู่คนเดียวว่าเป้าหมายของชีวิตของตัวเองคืออะไร เราเกิดมาเพื่ออะไร ความจริงแล้วในตัวผมอาจจะว่างเปล่ากว่าร่างทดลองที่ตัวเองเคยสร้างมาเสียอีก เมอาได้สอนความหมายของชีวิตให้ผม

                  คนเรานั้นอาจเกิดมาเพื่อทำให้คนที่เรารักมีความสุขก็เป็นได้ เมื่อเห็นคนที่เรารักมีความสุขตัวเองก็มีความสุดความหมายของชีวิตมันก็ง่ายๆแค่นี้เอง เพราะฉะนั้นถ้าเธอมาเห็นบันทึกนี้ก็ขอให้มีความสุขต่อไปนะ ดังเช่นความหมายของดอกอซาเรียที่แปลว่าดูแลตัวเองเพื่อฉันที่ไม่สามารถดูแลเธอได้แล้ว ดอกไม้ที่เธอชอบไงละ

      ผมหันไปมองเมอาที่ตอนนี้นอนไม่ได้สติอยู่ที่เตียง เอาละ!บันทึกนี้คงจะมาถึงหน้าสุดท้ายแล้ว

      พระเจ้าถ้าท่านยังมีจิตใจช่วงฟังคำขอสุดท้ายของผมด้วย…” พลังที่ผมเคยสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงมีพลังนี้ พลังนี้เกิดมาเพื่ออะไร ทำไมต้องเป็นเราด้วยตอนนี้ผมรู้แล้วว่าตัวเองมีพลังนี้เพื่ออะไร

      ชีวิตที่ผมเหลืออยู่ทั้งหมด ขอมอบให้เธอคนนี้ คนที่ผมรักที่สุด

      ขอให้มีความสุขนะเมอาและก็ลาก่อน…….

       

      Fin

                 

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      เจาะนิสัยตัวละครที่ผมอยากสื่อแต่เขียนไม่หมด "orz

       

      ชิเอล
      หมอนี่ผมพยายามเขียนให้มืดมนที่สุดแล้วแต่อาจทำได้ไม่ดีพอด้วยหน้าที่จำกัด
      เนื้อเรื่องดำเนินไปตามบันทึกของชิเอลเหมือนกับเราอ่านบันทึกชิเอลอยู่นั่นเอง

      บางคนอาจจะบอกว่าความรู้สึกของชิเอลมันชั่ววูบไปมั้ย
      อันนี้อยากให้มองในมุมมองของชิเอลจากคนที่ไม่มีอะไรมองโลกในแง่ร้ายมาตลอด ค่อยๆถูกเติมเต็ม อาจเป็นความสัมพันธ์ชั่ววูบจริงแต่ ณ ตอนนั้นชิเอลไม่ค่อยสัมผัสอะไรแบบนั้นมาก่อน

      ซึ่งจะเห็นจากการเปลี่ยนแปลงจากเดย์แรกๆที่เขียนอย่างเย็นชาจนไปถึงการเปลี่ยนแปลงช่วงเดย์5


      เมอา
      ตัวละครตัวนี้ถูกสร้างขึ้นมาให้มีขั้วตรงข้ามกับชิเอลโดยสิ้นเชิง
      และมีความรู้สึกรักชิเอลตั้งแต่เกิดมาอยู่แล้วเพียงแต่ไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของตัวเองแค่นั้นเอง




      อ่านมาถึงตรงนี้ก็ขอคุณมากเลยครับ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×